BODAIJU / 菩提樹 (1988)

ในปี พ.ศ. 2531

บริษัท Toei

ร่วมกับ S1 Company

ได้มีการเปิดตัว

ผลงานภาพยนตร์

แนว ชีวิต-โรแมนติก

เรื่อง Bodaiju

/ Rindenbaumu

(菩提樹 / リンデンバウム)

ซึ่งเป็นผลงานภาพยนตร์

ที่เป็นการดัดแปลง

มาจากผลงาน

การ์ตูนผู้หญิง

ในชื่อเดียวกัน

ที่ได้รับความนิยม

ในช่วงยุค 80

ซึ่งเป็นผลงาน

การประพันธ์

และวาดภาพ

โดย Yamato Waki

นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง

(มีการแปล

และนำมาจัดพิมพ์

เพื่อวางจำหน่าย

ในประเทศไทย

ในชื่อ ไลม์ทรี

ในช่วงยุค 80

โดยสำนักพิมพ์ยอดธิดา

และมีการแปล

และนำมาจัดพิมพ์

ในชื่อ จะเก็บเธอไว้ข้างใจ

ในช่วงยุค 90

โดยสำนักพิมพ์นิวโปรเจ็ค)

ผลงานภาพยนตร์

เรื่อง Bodaiju

/ Rindenbaumu

เป็นผลงาน

การกำกับภาพยนตร์

โดย Yamaguchi Kazuhiko

เขียนบทภาพยนตร์

โดย Naito Makoto

และ Katsura Chiho

ดนตรีประกอบ

โดย Kato Kazuhiko

เพลงนำภาพยนตร์

Anata o Aishitai

(あなたを愛したい)

ขับร้องโดย Yoko Minamino

ภาพยนตร์ญี่ปุ่น

เรื่อง Bodaiju

/ Rindenbaumu

มีการเปิดตัว

ต่อสื่อมวลชน

และเข้าฉาย

ในโรงภาพยนตร์

ในประเทศญี่ปุ่น

เป็นครั้งแรก

ในวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2531

ผลงานภาพยนตร์

จากประเทศญี่ปุ่น

ในแนว ชีวิต-โรแมนติก

เรื่อง Badiju / Rindenbaumu

นำแสดงโดย Yoko Minamino

นักร้อง นักแสดง

ขวัญใจวัยรุ่น

ที่โด่งดังอย่างมาก

ในช่วงยุค 80

รับบท อาซามิ นาคาฮาระ

สาวน้อยแสนสวย

นักศึกษาแพทย์

ที่ต้องพบเจอ

กับเรื่องราวมากมาย

ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต

Masaki Kanda

พระเอกหนุ่มหล่อ

ที่ได้รับความนิยม

ในวงการบันเทิง

ของประเทศญี่ปุ่น

ในช่วงยุค 70

และในช่วงยุค 80

รับบท อาจาร์ยฮายาซาว่า

อาจารย์ผู้เคร่งขรึม จริงจัง

และเก็บความรู้สึก

ในสายตา

ของเหล่านักศึกษา

ผู้มีความหวังดี

และห่วงใย

ให้กับอาซามิอยู่เสมอ

Takemoto Takayuki

พระเอกหนุ่มหล่อ

จากละครโทรทัศน์

ชุด วัยรักวัยเรียน

ที่ในช่วงยุค 80

มีการแพร่ภาพ

ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3

ในช่วงปี พ.ศ. 2527

รับบท โมริซึกุ ชุน

เพื่อนนักศึกษาแพทย์

ที่ภายนอกนั้น

ดูเป็นคนเย็นชา 

และมักจะพุดจา

ในแบบห้วนๆเสมอ

เเต่ในใจลึกๆ

ที่แท้จริง

ของเขานั้น

มีความรู้สึกดีๆ

มอบให้กับอาซามิ

จึงคอยให้กำลังใจ

และดุแลอาซามิ

ในยามที่เธอสิ้นหวังเสมอ

ภาพยนตร์ญี่ปุ่น

แนว ชีวิต

/ โรแมนติก

เรื่อง Bodaiju

/ Rindenbaumu

ฉบับการสร้าง

ในปี พ.ศ. 2531

เป็นเรื่องราวชีวิต

และความรัก

ของอาซามิ นาคาฮาระ

สาวน้อยแสนสวย

ที่เป็นนักศึกษาแพทย์

ซึ่งหลังจากสำเร็จการศึกษา

จากโรงเรียนมัธยมปลาย

อาซามิได้ทุ่มเท

เวลาทั้งหมด

ให้กับการเรียน

จากการมีความมุ่งมั่น

ที่จะเป็นแพทย์

เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

เช่นเดียวกับบิดา

ที่เป็นนายแพทย์

ที่ได้เสียชีวิตจากไป

ด้วยอุบัติเหตุ

พร้อมกับมารดา

ของอาซามิ

ตั้งแต่เธอยังเล็ก

ในฐานะเด็กสาว

ที่ไม่มีครอบครัว

อาซามิได้รับการอุปการะ

ในทุก-ทุกด้าน

จากผู้ที่ใช้นามแฝง

ว่าคุณลุงอาชินากะ

ที่เป็นเสมือน

กับคุณพ่อขายาว

ที่ไม่เคยเปิดเผย

ถึงตัวตน

โดยอาซามินั้น

ได้รับการติดต่อ

ภายใต้การดูแล

ของคุณคาซึรากิ ชูโกะ

ที่คอยดูแล

ทุก-ทุกอย่าง

ในฐานะผู้ปกครอง

ให้กับชีวิต

ของอาซามิ

แทนคุณลุงอาชินากะ

โดยเป้าหมายเดียว

ที่คุณลุงอาชินากะ

ซึ่งเป็นผู้อุปการะ

ได้วาดหวังไว้

คือขอให้อาซามิ

ได้มีความพยายาม

ที่จะเข้าศึกษา

และตั้งใจเรียน

ในมหาวิทยาลัยแพทย์

เพื่อสืบทอด

การเป็นแพทย์ที่ดี

ต่อจากผู้เป็นบิดา

ซึ่งจากการเติบโต

มาอย่างโดดเดี่ยว

ความทรงจำเดียว

ของอาซามิ

ที่ยังคงหลงเหลือ

เมื่อนึกถึงชีวิต

ในช่วงวัยเด็ก

ที่มีต่อครอบครัว

ที่ได้จากไป

คือภาพต้นไม้ใหญ่

ที่มีใบสีเขียว

คล้ายรูปหัวใจ

และมีดอกตูม

ซึ่งยืนต้น

อย่างเเข็งแกร่ง

ซึ่งภาพจดจำนี้

ดูจะมาจากความฝังใจ

ของอาซามิ

ในช่วงวัยเยาว์

จากความทรงจำ

เกี่ยวกับภาพเขียน

ที่ถูกแขวนประดับไว้

ในห้องตรวจคนไข้

ของผู้เป็นบิดา

ซึ่งภาพเลือนรางนี้

มักปรากฎ

อยู่ในความฝัน

ของเธอเสมอ

ชีวิตนักศึกษา

ในมหาวิทยาลัยแพทย์

ทำให้อาซามินั้น

ได้พบกับโลกใหม่

เธอได้พบกับเพื่อนๆ

และผู้คนมากมาย

ที่มีเป้าหมาย

ในการเป็นแพทย์

ที่ต่างกันไป

ในชีวิต

ของแต่ละคน

โดยอาซามินั้น

มีความรู้สึก

ที่คุ้นเคย

และอบอุ่น

เมื่อได้ใกล้ชิด

กับอาจารย์ฮายาซาว่า

นายแพทย์หนุ่มใหญ่

ที่มีแววตาอบอุ่น 

และมีรอยยิ้ม

ที่มีความอ่อนโยน

มอบให้เธอเสมอ

ซึ่งจากความใกล้ชิด

เกินกว่าปกติ

ของทั้งสองนี้

ทำให้โมริซึกุ ชุน

เพื่อนนักศึกษา

ในคณะแพทย์

ที่มีความรัก

และความหวังดี

ให้กับเธอ

เกิดความรู้สึก

ที่เป็นห่วง

เมื่ออาซามิต้องพบ

กับความสับสน

เมื่ออาจารย์ฮายาซาว่า

ที่ตัวเธอ

มีความเคารพ

อย่างมากนั้น

แท้ที่จริงแล้ว

คือคุณลุงอาชินากะ

ซึ่งเป็นผู้ปกครอง

ที่ได้ส่งเสียเงินทอง

และอุปการะเลี้ยงดู

เธอมาโดยตลอด

และอาจารย์ฮายาซาว่า

ซึ่งเปรียบเสมือน

คุณพ่อขายาว

ผู้ที่เธอรัก

และบูชานี้เอง

ที่เป็นคู่กรณี

ในอุบัติเหตุ

ซึ่งเป็นสาเหตุ

ที่พรากบิดา

และมารดา

ไปจากเธอ

ซึ่งจากช่วงชีวิต

ในเวลาสุดท้าย

ที่กำลังจะจากไป

ด้วยโรคมะเร็ง

ขั้นสุดท้าย

ของอาจารย์ฮายาซาว่า

เขามีความต้องการ

ข้อสุดท้ายในชีวิต

ที่อยากจะพาอาซามิ

ออกเดินทาง

ไปตามหาต้นไม้

ที่อยู่ในภาพเขียน

ที่อยู่ในความฝัน

และความทรงจำของเธอ

ท่ามกลางความเย็นชา

และความรู้สึก

ที่สับสน

และหวั่นไหว

ของอาซามิ

ที่ได้รู้ความจริง

อาจารย์ฮายาซาว่า

มีความตั้งใจสุดท้าย

ที่จะทำให้อาซามิ

รวบรวมความเข้มแข็ง

เพื่อที่จะยืนหยัด

และมีความเข้มแข็ง

ในการใช้ชีวิต

แม้ว่าจะต้องพบเจอ

เรื่องราวต่างๆ

ที่ถาโถมในชีวิต

เช่นเดียวกับความมั่นคง

ของต้นไม้ใหญ่

ที่ยืนต้นและผลิใบ

ไม่หวั่นไหวต่อลมแรง

แม้ว่าหนทางข้างหน้า

จะไม่มีเขา

คอยเป็นกำลังใจ

และคอยช่วยเหลือ

ในทุก-ทุกอย่าง

ให้กับเธอ

อีกแล้วก็ตาม

สิงห์สาวนักสืบปี 3 (1987)

หลังจากความสำเร็จ

ในการแพร่ภาพ

ละครโทรทัศน์

ชุด สิงห์สาวนักสืบ 

ปี 1 และ 2

ซึ่งบริษัทรัชฟิลม์ทีวี

ได้ซื้อลิขสิทธิ์

ในการแพร่ภาพ

ละครโทรทัศน์

ชุด Sukeban Deka

หรือ スケバン刑事

จากบริษัท Fuji Tv

ประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งเป็นละครโทรทัศน์

แนววัยรุ่น-แอกชั่น

ที่สร้างจากการ์ตูนสุดฮิต

เรื่อง ยอดนักโทษสาว

ของอาจาร์ยชินจิ วาดะ

ที่ผู้อ่านชาวไทย

รู้จักกันเป็นอย่างดี

ในช่วงยุค 80 ที่ผ่านมา

ซึ่งจากความนิยม

ในละครโทรทัศน์เรื่องนี้

ได้ส่งให้นักแสดงนำ

ทั้ง 2 ท่าน

ที่รับบทนำ

ในละครโทรทัศน์เรื่องนี้

ไม่ว่าจะเป็น Yuki Saito

หรือ Yoko Minamino

ต่างก็ได้รับความนิยม

จากแฟนแฟน

ผู้ชมชาวไทย

และในปี พ.ศ. 2532

บริษัท รัชฟิลม์ทีวี

ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 5

ได้ทำการแพร่ภาพ

ละครโทรทัศน์

เรื่อง สิงห์สาวนักสืบ ปี 3

หรือ Sukeban Deka 3

ที่ออกอากาศ

อย่างต่อเนื่อง

หลังจากสิงห์สาวนักสืบปี 2

ได้จบชุดลงไปในทันที

โดยละครโทรทัศน์เรื่องนี้

ได้มีการเเพร่ภาพ

ในประเทศไทย

ในช่วงบ่าย

ของทุกวันอาทิตย์

ในปี พ.ศ. 2532

(สำหรับในประเทศญี่ปุ่น

แพร่ภาพเป็นครั้งแรก

ในปี พ.ศ. 2530

ทางสถานีโทรทัศน์ Fuji Tv)

ละครโทรทัศน์

ชุด สิงห์สาวนักสืบ ปี 3

นำแสดงโดย Yui Asaka

รับบท Yui Kasama

Yuka Onishi

รับบท Yuka Kasama

Yuma Nakamura

รับบท Yuma Kasama

ร่วมด้วย Hagiwara Nagare

และ Fugunaga Satomi

โดยนอกจากนักแสดงนำ

ในละครโทรทัศน์

แนววัยรุ่น-แอกชั่น

ที่มีความยาว

ทั้งหมด 42 ตอน

ดังกล่าวแล้ว

ละครโทรทัศน์เรื่องนี้

ยังมีนักแสดงรับเชิญ

ที่มาร่วมสร้างสีสัน

ในการออกอากาศ

ในแต่ละตอน

อย่าง Kasue Ito

Masaya Ryo

Masaya Kato

Hirohisa Nakata ฯลฯ

โดยในด้านของเนื้อหา

ของละครโทรทัศน์

เรื่อง สิงห์สาวนักสืบ ปี 3

จากเรื่องราว

ในปี 1 และ 2

ที่เป็นเรื่องราว

ของสายสืบสาววัยรุ่น

ที่เข้าไปในโรงเรียนต่างๆ

ในฐานะของนักเรียนคนหนึ่ง

โดยมีภารกิจสำคัญ

ในการไขคดีต่างๆ

ที่ทางตำรวจนั้น

ไม่สามารถแฝงตัว

เข้าไปทำได้

และการต่อสู้

ของตัวละครหลักนั้น

ก็เพื่อยื้อชีวิต

ของมารดา

ที่ถุกคุมขังในเรือนจำ

โดยจากเรื่องราวดังกล่าว

ใน สิงห์สาวนักสืบปี 1

ได้มีการพัฒนาเรื่องราว

ของซากิ อาซามิยะ

ต่อเนื่องไปในปีที่ 2

โดยมีเรื่องราว

ของมิตรภาพ

ระหว่างเพื่อนๆ

อีก 2 คน

ที่คอยช่วยเหลือ

และเป็นกำลังใจ

ให้กับบท ซากิ

ที่เป็นบทนำ

แต่ในละครโทรทัศน์

ชุด สิงห์สาวนักสืบ

ในปีที่ 3 นี้

ได้มีการปรับเปลี่ยน

ให้เป็นเป็นเรื่องราว

ความผูกพัน

ของสามสาวพี่น้อง

ที่สูญเสียพ่อ

ก่อนจะรับสานงานต่อ

ในชื่อรหัสลับ

ว่า ซากิ อาซามิยะ

โดยใช้ทักษะ

ในการต่อสู้

ในรูปแบบของนินจา

ซึ่งมีความแตกต่าง

จากการต่อสู่

ในสองภาคแรก

ละครโทรทัศน์

ชุด สิงห์สาวนักสืบ ปี 3

เป็นเรื่องราวการต่อสู้

ของ ยูอิ คาซามะ

เด็กสาวร่าเริง บริสุทธิ์

ที่มีจิตใจใสซื่อ

เธอที่ได้รับการเลี้ยงดู

รวมถึงได้รับสั่งสอน

ศิลปะการต่อสู้

วิชานินจา

จากหลวงพ่อไทอัน

แห่งวัดชินกอนโช

ในเมืองมิยาซากิ

เมื่อยุอิเติบโต

เธอก็ได้รับคำสั่ง

ให้เดินทาง

ไปที่โตเกียว

เพื่อไปพบกับพ่อ

และพี่สาวอีก 2 คน

ที่ยูอิเองนั้น

ไม่เคยพบหน้า

กับทั้ง 3 คนมาก่อน

โดยเธอเองมีภารกิจสำคัญ

คือการรับหน้าที่

เป็นสิงห์สาวนักสืบ

ให้กับทางกรมตำรวจ

ยูอิได้รับลุกดิ่ง

ที่มีข้อความพิเศษ

จากเรอา คิโด

เจ้าหน้าที่พิเศษ

ตัวแทนสาวสวย

ที่มาคอยดูแลเธอ

โดยเรอานั้น

เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ

จากกองบัญชาการ

กิจกรรมพิเศษ

ของทางกรมตำรวจ

แต่ก่อนจะได้พบกับบิดา

บ้านของเธอ

ที่โตเกียว

กลับถุกวางระเบิด

พังทลายอย่างลึกลับ

ทำให้ยูอิ

ไม่ได้พบหน้าบิดา

ที่เสียชีวิต

อยู่ภายในบ้าน

ยูอิและพี่สาว

ทั้งสองคน

คือยุกะและยูมะ

ซึ่งต่างไม่เคยพบหน้า

และมีความสนิทสนม

ไม่เคยใช้ชีวิต

อยู่ร่วมกันมาก่อน

รู้สึกไม่คุ้นเคยกัน

ในครั้งแรกที่พบหน้า

แต่จากการอยู่ร่วมกัน

ในบ้านหลังใหม่

ที่คุณครูโยดะ 

ผู้ดูแลทั้งสามคน

เป็นผู้จัดหาให้

บวกกับการรับหน้าที่

ที่เสี่ยงอันตราย

ในฐานะของสิงห์สาวนักสืบ

ที่ร่วมกันต่อสู้

เพื่อหาความจริง

ขององค์กรลับ

ที่ชื่อว่า เงา

ทำให้ทั้งสามสาว

มีความผูกพัน

กันมากขึ้น

ทั้งในฐานะ

ของสามพี่น้อง

และสามนักสู้

ที่ฝ่าฟันอันตราย

มาร่วมกัน

และเช่นเดียวกัน

กับนักแสดงนำ

ในสิงห์สาวนักสืบปี 2

สามนักแสดงนำ

ในซีรีย์ชุดที่ 3 นี้

ได้มีโอกาสแสดงนำ

ในภาพยนตร์จอใหญ่

 ที่ใช้ชื่อเรื่องและตอน

ว่า Sukeban Deka The Movie

ตอน การต่อสู้ครั้งสุดท้าย

ที่สร้างโดยบริษัท โตเออิ

ซึ่งเปิดตัวต่อสื่อมวลชน

และออกฉายทั่วประเทศ

ในปี พ.ศ. 2532

ตามหลังความสำเร็จ

ของละครโทรทัศน์

ที่มีการแพร่ภาพ

ในช่วงปี พ.ศ. 2530

(สาวสาวนักแสดงนำ

ในสิงห์สาวนักสืบปี 3 นี้

ได้มีโอกาสร่วมแสดง

ในบทรับเชิญ

เพื่อเป็นการโปรโมท

ละครโทรทัศน์ในปีที่ 3

ในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่

Sukeban Deka 2 The Movie 

ที่นำแสดงโดย Yoko Minamino

มาก่อนภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว)

และเช่นเดียวกัน

กับนักแสดงนำ

ในสิงห์สาวนักสืบ

ปีที่ 1 และ 2

ซึ่งนักแสดงนำ

ในละครโทรทัศน์ชุดนี้

ต่างก็มีโอกาส

ที่จะร้องเพลงนำ

ในเพลงประกอบ

ละครโทรทัศน์

และภาพยนตร์ชุดนี้

ในฐานะดารา นักร้อง

ขวัญใจวัยรุ่น

ที่มีผลงาน

ในด้านเพลง

นอกเหนืองานแสดง

ควบคู่กันไป

โดยนอกจากอัลบั้ม

เพลงประกอบละครโทรทัศน์

ที่ออกมาทั้ง 2 ชุด

และอัลบั้มพิเศษ

เพลงประกอบภาพยนตร์

อีก 1 ชุดแล้ว

สามสาวนักแสดงนำ

ของละครเรื่องนี้

ยังมีเพลง single สุดฮิต

ในชื่อ Remember

ที่ทั้งสามสาว

ได้มีโอกาส

ร่วมร้องด้วยกัน

และเพลงฮิตเพลงนี้

สามารถขึ้นไปถึงอันดับ 1

ของชาร์ตเพลงฮิตโอเรกอน

ในขณะที่ละครเรื่องนี้

กำลังแพร่ภาพอยู่

นอกจากนี้

ทั้งสามยังมีเพลงเดี่ยว

ซึ่งเป็น Single

ของแต่ละคน

ที่ใช้ประกอบละครโทรทัศน์

และภาพยนตร์เรื่องนี้

โดย Yui Asaka

มีเพลง  Belive Again

Star , Niji No Dreammer

Hitomi Ni Strom

Yuma Nakamura

มีเพลง Panic

dilemma , syvia

Yuka Onishi

มีเพลง Shadow Hunter

Chance Wa Ichido

Kanashimi no shagrila

ที่ถูกนำไปใช้

ประกอบในละครเรื่องนี้

ซึ่งจากความนิยม

ในละครโทรทัศน์ชุดนี้

รวมถึงเพลงประกอบ

ที่ได้รับความนิยม

จากผู้ชมทางบ้าน

อย่างสูง

ทำให้นักแสดงนำ

ทั้ง 3 คน

มีผลงานการแสดง

ในด้านการโชว์ตัว

รวมถึงจัดแสดง

คอนเสริต์ร่วมกัน

ให้ได้ติดตามรับชม

กันอยู่บ่อยครั้ง

ในช่วงปี พ.ศ. 2530-32

แม้นักแสดงนำ

ทั้ง 3 คนนี้

จะอยู่ต่างสังกัด

และคนละบริษัท

กันก็ตามที ^_^

โดยนอกจากภาพยนตร์

เพลงประกอบต่างๆ

รวมถึงงานโชว์ตัว

และจัดคอนเสริต์ร่วมกัน

ละครโทรทัศน์

ชุด สิงห์สาวนักสืบปี 3

ยังมีสินค้า

และของที่ระลึก

อีกมากมาย

ออกมาวางจำหน่าย

สำหรับแฟนๆทางบ้าน

ที่ให้การชื่นชอบ

และอยากจะเก็บของต่างๆ

เพื่อเป็นที่ระลึก

โดยในขณะที่แพร่ภาพ

ทางทีมงาน

และผู้ได้รับลิขสิทธิ์

ก็ได้มีการเปิดตัว

สินค้าต่างๆ

เช่น โมเดล ฟิกเกอร์

ที่ผลิตโดยบริษัทบันได

ซึ่งจำลองลักษณะ

และบุคลิก

ของของตัวละคร

ออกมาได้อย่างครบถ้วน

(มีวางจำหน่าย

กระทั่งโมเดล ฟิกเกอร์

ของคุณครูโยดะ ^_^)

นอกจากนี้

ยังมีอัลบั้มภาพ

สติกเกอร์ สมุด พัด

เสื้อยืด สำรับไพ่

รวมถึงโยโย่หรือลุกดิ่ง

ที่วางขาย

ในจำนวนจำกัด

ซึ่งมีลวดลาย

ที่ถือเป็นเอกลักษณ์

ของละครโทรทัศน์ชุดนี้

ออกมาวางจำหน่าย

เพื่อเป็นที่ระลึก

สำหรับแฟนๆอีกด้วย